2.11.19



รีวิวบางส่วนจากผู้เรียนคอร์ส 50+



โดย คุณศิริศิลป์ ขุ่มด้วง ข้าราชการบำนาญและนักวิชาการ

(จาก facebook https://www.facebook.com/sirisilk/posts/2239599966144866?__tn__=K-R) วันที่ 2 พฤศจิกายน 2019.







โปรแกรม 50 plus โปรแกรมเรียนภาษาอังกฤษสำหรับผู้ใหญ่วัย 50ปีขึ้นไป ที่น่าจะยังไม่ค่อยเป็นที่คุ้นหูคนไทยสักเท่าไหร่ เพราะเวลาที่เรานึกถึงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ ภาพส่วนใหญ่จะเป็นภาพเด็กเล็ก วัยรุ่น หนุ่มสาว หรือวัยทำงาน



แต่โปรแกรม 50 plus จะเป็นโปรแกรมพิเศษเฉพาะผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือถ้าใครที่อายุหย่อนๆ 50 ปีเล็กน้อย แต่สนใจก็สามารถสมัครเข้าร่วมโปรแกรมได้เช่นกัน





ผู้เขียนได้มีโอกาสไปร่วมเรียนโปรแกรมนี้ช่วงเดือน กย. 62 เป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจและคุ้มค่ามาก รู้สึกดีใจที่มีโปรแกรมดีๆแบบนี้สำหรับผู้ใหญ่วัยเกษียณ ที่พอมีเวลาและอยากเปลี่ยนการเดินทางแบบท่องเที่ยวทั่วไป มาเป็นการเดินทางและใช้ชีวิตแบบชิวๆ ในเมืองที่สวยและคลาสิคมากๆ และได้เรียนภาษาเพื่อเพิ่มพูนความรู้ หรือเพื่อรื้อฟื้นการใช้ภาษาอังกฤษให้คล่องขึ้น ในขณะเดียวกันก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรม การใช้ชีวิตของชาวอังกฤษรวมถึงการได้พบปะกับเพื่อนๆจากนานาชาติ





โปรแกรมจัดโดยสถาบันสอนภาษาชื่อ English in Chester ตั้งอยู่ที่เมือง Chester เมืองทางภาคเหนือตอนต้นของประเทศอังกฤษ ซึ่งในความคิดเห็นส่วนตัว Chester เป็นเมืองที่เหมาะสมมากๆสำหรับโปรแกรมนี้ เพราะโดยตัวเมือง มีความสงบ แต่ไม่เหงา มีความปลอดภัยสูง เป็นเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากมาย การเดินทางก็สะดวก การเดินทางโดยรถไฟจากลอนดอนมาที่เมืองเชสเตอร์ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง





ที่พักที่ทางสถาบัน จัดหาให้ก็สะดวกสบาย และเนื่องจากโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมของผู้ใหญ่ ที่พักส่วนใหญ่จะเป็นหอพักกึ่ง apartment หรือ guest house ซึ่งทางสถาบันจะจัดหาให้ตามความเหมาะสม แต่ก็มีบางท่านเลือกอยากอยู่ homestay ก็สามารถทำได้เช่นกัน ถ้าที่พักในลักษณะของหอพัก หรือ guest house เป็นที่พักที่มีห้องนํ้าในตัว แต่ค่าที่พักจะไม่รวมอาหาร แต่จะมีครัวรวมให้เราสามารถทำอาหารทานเองได้ หรือบางแห่งอาจจะเป็นห้อง studio ที่มีครัวอยู่ในตัว แต่ราคาค่าห้องชนิดนี้จะแพงกว่าราคาห้องทั่วไปนิดหน่อย แล้วแต่เราจะเลือก แต่ถ้าเป็น homestay ส่วนใหญ่จะรวมอาหารเช้าและเย็น





เมื่อผู้เขียนตัดสินใจเข้าร่วมโปรแกรม ก็ได้น้องๆที่ ไอดีล เอ็ดดูเคชั่น ช่วยจัดการในการติดต่อกับทางสถาบัน รวมถึงการจัดการเรื่องวีซ่า ที่พัก ตั๋วเครื่องบินต่างๆ ซึ่งเราสามาถเลือกการเดินทางและสายการบินได้ตามที่สะดวก การเดินทางสามารถบินไปลงที่ลอนดอน และต่อสายการบินภายในประเทศไปที่เมืองแมนเชสเตอร์ หรือ ลิวอร์พูล (โดยปรกติทางสถาบันจะจัดรถมารับ - ส่ง ที่สนามบินเมืองแมนเชสเตอร์ หรือ ลิเวอร์พูล เนื่องจาก เชสเตอร์ไม่ได้มีสนามบินเป็นของตนเอง) แต่ต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ลอนดอนก่อนแล้วค่อยบินต่อ หรือถ้ากระเป๋าไม่เป็นภาระมากเกินไป หลังจากผ่านพิธีการที่ลอนดอนแล้ว สามารถเดินทางต่อมาที่เมือง เชสเตอร์โดยตรงโดยทางรถไฟ หรือนั่ง National Coach จากสถานีที่สนามบิน Heathrow มาได้เลย แต่ขอย้ำว่าสัมภาระต้องไม่เยอะนะคะ





ผู้เขียนเลือกเดินทางด้วยสายการบิน Emirate เพราะมีไฟลท์บินไปที่เมืองดูไบก่อนโดยใช้เวลาบินประมาณ 6-7 โมง เบรค รอต่อเครื่องประมาณ 2 ชัวโมงที่สนามบินเมืองดูไบ ซึ่งสะดวก สบาย ใหญ่โต ร้านค้าในสนามบินก็ยังคงเปิดอยู่ไม่ว่าดึกดิ่นแค่ไหน จากนั้นก็ใช้เวลาบินต่ออีกประมาณ 7 ชั่วโมงเข้าสู่สนามบินเมืองแมนเชสเตอร์โดยตรงและผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินแมนเชสเตอร์ได้เลย


วิธีการนี้อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่ชอบบินยาวรวดเดียว แต่ผู้เขียนชอบให้มีเบรคระหว่างทางจะได้ไม่ต้องนั่งเครื่องนานเกินไป เมืองแมสเชสเตอร์เป็นเมืองค่อนข้างใหญ่ มีสนามบินนานาชาติเป็นของตนเอง สายการบินที่บินตรงมาที่แมนเชสเตอร์มีให้เลือกใช้บริการได้หลายสายการบินพอสมควร แต่จะไม่มีของการบินไทย





ออกเดินทางประมาณสามทุ่มครึ่งของคืนวันเสาร์ มาถึงสนามบินแมนเชสเตอร์ประมาณ 7 โมงเช้าของวันอาทิตย์ เนื่องจากเวลาที่ประเทศอังกฤษช้ากว่าเมืองไทย 6 ชั่วโมง (ปรกติ ราคาที่พักที่ทางโรงเรียนจัดให้จะกำหนดให้นักเรียนเดินทางมาถึงในวันอาทิตย์ และ เดินทางกลับในวันเสาร์ แต่ถ้าผู้ใดอยากมาถึงก่อน หรือกลับช้ากว่าช่วงเวลาที่กำหนดก็สามารถทำได้แต่ต้องชำระค่าใช้จ่ายเพิ่มจากราคาตามโปรแกรม)


เมื่อผ่านพิธีการออกมา ก็จะเห็นเจ้าหน้าที่มารับ ถือป้ายชื่อของเรายืนรออยู่เพื่อพาไปที่พัก และเนื่องจากผู้เขียนได้ที่พักเป็นหอพักชื่อ Fontessa House ซึ่งปรกติเจ้าหน้าที่จะทำงานวันจันทร์ - ศุกร์ ทำให้เวลาที่ไปถึงจะไม่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลเรา แต่ก่อนการเดินทาง 2 - 3 วัน ทางหอพักได้ส่งอีเมล์แจ้งว่าเมื่อมาถึงให้เราโทรแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพื่อมาเปิดประตูที่พักและส่งมอบ key card ห้องพัก ตรงจุดนี้ถ้าเป็นไปได้เราอาจจะซื้อซิมการ์ดที่สนามบินเลยเพื่อใช้โทรติดต่อเจ้าหน้าที่ หรืออาจให้ทางผู้มารับเป็นคนช่วยโทรแจ้งให้เรา ห้องพักน่าอยู่มากเทียบกับราคาถือว่าไม่แพงเลย ห้องสะอาด กว้างขวาง เตียงนอนขนาดควีนไซด์ มีโต๊ะเขียนหนังสือ พร้อมที่เสียบปลั๊ก และ USB พร้อม และค่อนข้างเยอะ แต่ห้องนํ้าจะเล็กนิดหน่อย ทางหอพักจะจัดผ้าเช็ดตัวไว้ให้ 2 ผืน และจะมีการทำความสะอาดให้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง(อยากแนะนำสำหรับผู้ที่จะมาพักที่นี่ให้ติดผ้าเช็ดเท้ามาด้วยจะดีมาก เพราะทางหอพักมีให้แต่ผ้าเช็ดตัว มีไม้กวาดเล็กๆ แต่ไม่มีผ้าสำหรับเช็ดพื้นหรือเช็ดเท้า)





ภายในห้องจะมีบอร์ดติดผนัง มี brochure เล็กๆบอกรหัส wifi แต่ต้องมีการลงทะเบียนก่อนถึงจะใช้ได้ และมีข้อจำกัดโดยสามารถใช้ wifi กับโทรศัพท์ได้เพียงเครื่องเดียว (ที่พักแต่ละที่จะมีลักษณะและเงื่อนไขบางอย่างแตกต่างกันไป ) ในที่นี้ผู้เขียนอธิบายเฉพาะในส่วนของที่ตัวเองพักคือ Fontessa House ที่พักอยู่สบายและพร้อม แต่ติดที่เค้าไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลเมื่อเราไปถึงวันอาทิตย์ เวลาติดปัญหาอาจจะต้องพยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยตัวเองพอสมควร ผู้เขียนไปถึงช่วงสายๆมีปัญหาเรื่องลงทะเบียนไวไฟในตอนแรกและไม่มีเจ้าหน้าที่ช่วยแก้ปัญหา ซิมการ์ดที่เตรียมมาก็ยังใช้ได้ไม่ค่อยดี เลยตัดสินใจออกจากหอพักและถามทางคนแถวนั้นเพื่อเดินเข้าไปในเมือง


โชคดีที่พักใกล้ตัวเมืองและเดินไม่ยาก เลยสามารถเดินสำรวจตัวเมืองได้สะดวกพอสมควร (แนะนำว่าถ้าเป็นไปได้น่าจะศึกษาเส้นทางจากที่พักมาที่ตัวเมืองและมาที่โรงเรียน อาจจะพิมพ์เป็นกระดาษติดตัวมาด้วย เผื่อกรณีที่เราไม่สามารถใช้อินเตอร์เนตและเปิด google map ไม่ได้) แต่ผู้เขียนได้สอบถามพี่ๆคนไทยท่านอื่นที่พักคนละแห่งกัน ส่วนที่เป็น guest house เค้าจะมีเจ้าหน้าที่ประจำที่พัก เมื่อไปถึงเค้าก็จะช่วยเหลือดูแลจนเรา settle ปัญหาอย่างที่ผู้เขียนเจอก็อาจจะไม่เกิด)





เดินข้ามวงเวียนเล็กๆ เข้ามาบริเวณตัวเมืองได้ซักพักความเหนื่อยก็ถูกทดแทนด้วยความชื่นใจ เพราะความสวย น่ารักของตัวเมือง เชสเตอร์เป็นเมืองเล็กๆ อยู่ในแคว้นเชสไชน์ มีแม่น้ำดี (River Dee) เป็นแม่น้ำสายหลักของเมือง และมีจุดเด่นคือ กำแพงที่สร้างล้อมรอบเมืองความยาว 2.95 กิโลเมตร ซึ่งสร้างไว้ตั้งแต่สมัยโรมันเพื่อใช้ป้องกันเมืองจากศัตรู แต่ปัจจุบันกำแพงเมืองได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว กิจกรรมเดินรอบกำแพงเมืองถือเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่รักการเดิน เพราะการเดินบนกำแพงเมือง สามารถจะเห็นสภาพบ้านเมืองได้โดยรอบๆ และมีจุดให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้น ลง จากกำแพงเพื่อสำรวจจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจต่างๆได้เป็นระยะๆ





Eastgate Clock นาฬิกาประจำเมืองที่ถือเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญ ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นอย่างมากอีกจุดหนึ่ง ว่ากันว่าเป็นนาฬิกาที่มีคนชอบมาถ่ายภาพเป็นอันดับสองรองจากนาฬิกา Big Ben เลยทีดียว และยังเป็นจุดที่สามารถขึ้นลง City Wall ได้ด้วยจากบริเวณนี้ เชสเตอร์ได้รับฉายาว่า เมือง balck & white เพราะบ้านเรือนส่วนใหญ่สร้างด้วย สถาปัตยกรรม แบบ Tudor โครงสร้างบ้านเรือนทำด้วยไม้ ทาสี ขาวสลับดำ สวยงาม ตลอดย่านใจกลางเมือง อาคารบางแห่งตกแต่งด้วยไม้ฉลุ ดูคลาสิคมากๆ


ภายในเมืองมีร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ น่ารักมากมายเต็มสองข้างทาง รวมถึงตรอกซอกซอยเล็กๆ ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปสำรวจ รวมถึง Chester Cathedal , Town Hall , Story House, Chester Zoo และสถานที่น่าสนใจอื่นๆอีกมากมาย อากาศช่วงเดือน กย.ดีมากๆ สดชื่น เย็นฉ่ำเหมือนติดแอร์ทั่วทั้งเมือง แต่ไม่หนาวมาก แต่อากาศที่อังกฤษก็ไม่ค่อยเสถียรมีบางวันแดดออก ค่อนข้างร้อน มีฝนตกบ้าง แต่อากาศจะเย็นเป็นส่วนใหญ่





เช้าวันจันทร์เริ่มแรกของโปรแกรม จะเริ่มประมาณ 9 โมงเช้า เมื่อไปถึง รร จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้คำแนะนำเรื่องลงทะเบียน และเข้าห้องเรียนเพื่อทำ placement test และเราต้องวางเงินประกันค่าที่พักจำนวน 200 ปอนด์ โดยสามารถชำระเป็นเงินสด บัตรเครดิต หรือบัตร travel card ถ้าชำระด้วยเงินสด เมือเรียนจบ สามารถขอรับเงินสดคืนได้ในวันศุกร์สุดท้ายของคอร์ส (กรณีที่ไม่ได้ทำของเสียหาย) แต่ถ้าชำระด้วยบัตรทาง รร จะคืนเงินเข้าบัตรให้ภายใน 1 สัปดาห์หลังจากที่คอร์สจบ


วันแรกจะมีการปฐมนิเทศน์เล็กๆ กับนักเรียนที่เข้าร่วมโปรแกรมทุกๆคนในบรรยากาศที่สนุกสนานมาก พร้อมกับมีการแนะนำ เจ้าหน้าที่ อาจารย์ที่สอนและอาจารย์ส่วนกิจกรรม รวมถึงรายละเอียดต่างๆ พร้อมแจก pack เอกสารให้กับนักเรียน


จากนั้นจะมีการจัด class เล็กๆเพื่อให้นักเรียนสอบวัดระดับ โดยแบ่งเป็นการสอบข้อเขียนเป็นคำถามแบบ multiple choices จำนวน 100 ข้อและ สอบสัมภาษณ์ เพื่อจะจัดชั้นเรียนที่แน่นอนใช้เวลาถึงประมาณ 13.00 น.จากนั้นก็ปล่อยทานอาหารกลางวัน โดยอาจารย์จะพาไปแนะนำร้านค้าใกล้โรงเรียน





หลังอาหารกลางวัน ทุกคนจะกลับมาพบกันที่ รร ประมาณ 14.15 น. จากนั้นอาจารย์ก็จะพาทุกๆคนเดินเที่ยวรอบเมือง พร้อมบอกเล่าประวัติคร่าวๆและสถานที่สำคัญในเมือง จบกิจกรรมประมาณ 15.00 น. ก็แยกย้ายกันตามอัธยาศัย


เช้าวันอังคารมีการติดบอร์ดไว้ที่โรงเรียนว่าใครอยู่กลุ่มไหน เรียนที่ห้องไหน ซึ่งการจัดการเรียน การสอนของ โรงเรียนทำได้ดี และน่าสนใจ โดยแบ่งเป็นการเรียนวันละ 3 ชั่วโมง 15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยเริ่มเรียนคาบแรก ตั้งแต่เวลา 9.30 –11.00 เบรค 30 นาที ซึ่งช่วงเบรค ทาง รร จะจัดห้องให้เฉพาะนั กเรียนกลุ่ม 50 plus มีชา กาแฟ ช๊อคโกแลตร้อน และ ขนมปังกรอบ หรือคุ้กกี้ เตรียมไว้ให้ทุกวัน และห้องนี้จัดเป็นห้องสันทนาการที่นักเรียนทุกคนจากสารพัดชาติที่มาโปรแกรมนี้จะมารวมกัน พูดคุย ทำความรู้จักกัน และสามารถนำอาหารกลางวันมารับประทานที่ห้องนี้ได้


ต่อจากนั้นก็เริ่มเรียนคาบที่ 2 จากเวลา 11.30 -13.00 น. โดยที่แต่ละชั้นเรียนจะมีคุณครูประจำ 2 ท่าน การเรียนส่วนใหญ่เน้นการจับคู่ จับกลุ่มสนทนา และทำกิจกรรมร่วมกัน โดยคุณครูจะสอดแทรกการใช้หลักภาษาอยู่ในการพูดคุย บางครั้งก็เน้นการอ่านออกเสียง การเรียนเรื่องราวในประวัติศาสตร์ หรือการเรียนเกี่ยวกับงานประพันธ์ บรรยากาศการเรียนส่วนใหญ่จะค่อนข้างสนุกสนาน และได้รับความรู้รอบตัวใหม่ๆรวมถึงหลักการใช้ภาษาให้ถูกต้อง ห้องที่ผู้เขียนเรียนมีนักเรียน 8 คน มีพี่คนไทยเก่งมากๆ 1 ท่านอยู่ห้องเดียวกัน ที่เหลือจะเป็นเพื่อนๆ มาจากออสเตรีย เยอรมัน สวิสเซอร์แลนด์ เพื่อนๆน่ารักทุกคนและให้ความช่วยเหลือกันดีเวลาจับคู่ทำงานร่วมกัน





บ่ายวันอังคารแรกจะเป็นวันที่ฝึกทักษะการฟัง โดยนักเรียนจากทุกชั้นเรียนจะมารวมกัน และอาจารย์จะมาพูดคุยเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ของทั้งหลักสูตรตลอดทั้ง 2 สัปดาห์


บ่ายวันพุธ จะเป็น free afternoon เราจะมีเวลาเดินเที่ยว shopping หรือทำอะไรตามอิสระ แต่ช่วงเย็นโรงเรียนจะมีกิจกรรมทางเลือก คือนักเรียนสามารถจะร่วมหรือไม่ร่วมกิจกรรมก็ได้ ถ้าร่วมกิจกรรมจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 5 ปอนด์ โดยสัปดาห์แรก รร จะพาไปทัวร์ pub ในเมือง


บ่ายวันพฤหัสแรก ทางสถาบันจัดรถบัสเฉพาะนักเรียนกรุ๊ป 50 plus ไปเที่ยวชม Speke Hall & Gardens กิจกรรมเริ่มประมาณ 14.25 และกลับเข้าเมืองประมาณ 18.00


บ่ายวันศุกร์แรก ทาง รร พาไปลอง afternoon tea เพื่อให้นักเรียนได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาวอังกฤษ ที่ร้าน MAD HATTERS ร้าน Bakery ชื่อดัง จิบEnglish Tea พร้อมสโคน ขนมปังชื่อดังสัญชาติอังกฤษ อร่อยมากๆ





วันเสาร์ เป็นวันที่เที่ยวเต็มวันของโปรแกรม รร พาไปเยี่ยมชม Iron Bridge สะพานเหล็กแห่งแรกของโลกในช่วงของการปฎิวิตอุตสาหกรรมของอังกฤษ ต่อด้วยการไปเยี่ยมชมพิพิธภัณท์ที่ทำกระเบื้องโบราณ พร้อมประวัติความเป็นมา เป็นแหล่งรวบรวมกระเบื้องสวยๆมากมาย รวมถึงแวะร้านกิฟท์ชอป และนั่งจิบชา กาแฟที่ห้อง Tea Room และแวะชมเมืองโบราณกับสถาปัตยกรรม Renaissance และกลับเข้าเมืองเชสเตอร์ประมาณ 18.00 น.


วันอาทิตย์เป็นวันหยุด 1 วัน สำหรับคนที่อยากไปเที่ยวต่างเมือง รร ช่วยติดต่อบริษัททัวร์สำหรับกิจกรรมพิเศษ สามารถไปลงชื่อตามโปรแกรมที่เราอยากจะไปแต่ต้องเสียค่าใช้ต่างหากจากโปรแกรม





ส่วนวันจันทร์สัปดาห์ที่ 2 ของโปรแกรมช่วงบ่ายจะเป็น free afternoon


บ่ายวันอังคาร รร พาไปเยี่ยมชม Port Sunlight อาณาจักรแรกเริ่มของบริษัท Uniliver ที่มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจมากๆ กิจกรรมเริ่มประมาณ 14.15 และกลับถึงเมืองเชสเตอร์ประมาณ 18.00 น.


บ่ายวันพุธ เป็น free afternoon อีก 1 ครั้ง ส่วนช่วงค่ำมีกิจกรรมทางเลือกคือ Irish Dance ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 5 ปอนด์


บ่ายวันพฤหัส รร พาไปชมการแสดง Morris Dance การแสดงการเต้นรำดั้งเดิมของอังกฤษ